เปิดบริการตั้งแต่ 29 มกราคม 2550 - ปัจจุบัน
| เปิดบริการมาแล้ว 17 ปี 2 เดือน 0 วัน
25/07/2018 | by WTravel

อเมริกาดินแดนที่รวบรวมเอาผู้คนจากหลากหลายประเทศทั่วทุกมุมโลก ทำให้เกิดวัฒนธรรมมากมายหลากหลายแตกต่างกันออกไป อเมริกายังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติมากมายที่ดึงดูดคนทั่วโลกให้มาเยือนเมืองมหาอำนาจแห่งนี้ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

1.แอนเทอโลป แคนยอน (Antelope Canyon) แอริโซนา

แอนเทอโลปแคนยอน (Antelope Canyon)ตั้งอยู่ที่ รัฐแอริโซน่า สหรัฐอเมริกา หุบเขาที่สวยงามนี้ เกิดจากการทำลายและกัดเซาะทางธรรมชาติคือ กระแสน้ำ และลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูมรสุม กระแสน้ำได้ไหลด้วยความเร็วในขณะที่ไหลผ่านก็ได้กัดเซาะหินทรายออกไป ทำให้เกิดความลึก เรียบ และรอยเส้นในลักษณะริ้วไหลที่ผิวของหิน

แต่เป็นสถานที่ค่อนข้างอันตรายการที่จะเที่ยวชมที่นี่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญนำเที่ยวเท่านั้น สถานที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเทียวกันตามลำพัง

 

สถานที่แห่งได้ความนิยมนักถ่ายภาพทั่วโลกที่เดินทางไปถ่ายความสวยงามที่เกิดจากธรรมชาติเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่คุณไม่ควรพลาด

2.อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park)

ไวโอมิง มอนแทนา และ ไอดาโฮ

อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน (Yellowstone National Park) เป็นอุทยานแห่งแรกของโลกและของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเขตติดต่อ 3 รัฐได้แก่ ไวโอมิง มอนแทนา และไอดาโฮ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐไวโอมิง เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ มีเนื้อที่มากกว่า 2 ล้านเอเคอร์ คือประมาณ 43,750 ตารางไมล์ หรือ 8,992 ตารางกิโลเมตร

ไฮไลท์ของที่คงไม่พ้น บ่อน้ำพุ Grand Prismatic Spring บ่อน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา และมีความสวยงามแปลกตาน่าค้นหา ด้วยบริเวณขอบบ่อจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ไล่ลงไปจนอ่อน ตามด้วยสีเขียวมรกตของน้ำในบ่อ ซึ่งจะไล่เฉดสีไปจนถึงฟ้าเข้มตรงกลางบ่อ หมายถึงจุดที่ลึกที่สุดนั่นเอง

บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้หากมองจากมุมสูงจะดูคล้ายกับดวงตาเลยทีเดียวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดถ้าคุณมีโอกาสได้ไปเยือน

3.น้ำตกไนแองการา (Niagara Falls) นิวยอร์ก

น้ำตกไนแองการาเป็นน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่งประกอบกัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนแองการาทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ บนพรมแดนระหว่างประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา

น้ำตกไนแองการาประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ Horseshoe Falls สูง 57 เมตร น้ำตกAmerican Falls สูงระหว่าง 21–34 เมตร และน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกัน คือน้ำตก Bridal Veil

น้ำตกไนแองการามีจุดชมวิวที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้ง 2 ประเทศมานานกว่าศตวรรษ ในปัจจุบันก็ยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมไปกันอย่างล้นหลาม น้ำตกไนแองการาถือว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก สักครั้งในชีวิตควรไปให้เห็นกับตาตัวเองใช่มั้ยละค่ะ

4.ทะเลสาบ (Crater Lake) ออริกอน

ทะเลสาบ Crater Lake ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยอันดับต้นๆ ของโลกทีเดียว ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติ Crater Lake ของรัฐออริกอน ลักษณะพิเศษคือเป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่ลึกที่สุดในอเมริกาถึง 1,943 ฟุต

ทะเลสาบ Crater Lake เกิดจากการที่ภูเขาไฟระเบิดและดับลงเมื่อประมาณ 7,700 ปีที่แล้วรอบล้อมทะเลสาบมีป่าสนสวยงาม  และภายในทะเลสาบยังมีเกาะ Wizard ตั้งอยู่ด้วยสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับที่นี่ได้อย่างดีเยี่ยม

นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดูกาล เพราะมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี บรรยากาศดี เงียบสงบ

5.บิ้กเซอร์ (Big sur) แคลิฟอร์เฟีย

ถนนที่ได้ชื่อว่ามีวิวสวยที่สุดในโลก ทางหลวงหมายเลข 1  Big Sur รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เป็นถนนเลียบชายฝั่งแปซิฟิกที่ทอดยาวมาตั้งแต่ทางตอนเหนือไปจนใต้สุดของรัฐ เป็นหนึ่งในถนนที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น "All-American Road"

หน้าผาขรุขระถูกซัดด้วยเกลียวคลื่นทำให้ถนนไฮย์เวย์รอบชายฝั่งแปซิฟิกตามเส้นทางบิกเซอร์นั้น ก่อเกิดทัศนียภาพอันแสนน่าประทับใจของแคลิฟอร์เนียระหว่างเมืองคาร์เมล และตอนเหนือของ San Luis Obispo Count Jack Kerouac และ Henry Miller ด้วยระยะทางกว่า 140 กิโลเมตร จากซาน คาร์โปโฟโร ไปจนถึงแม่น้ำคาร์เมล

ถนนสายนี้ จึงถูกโอบล้อมวิวทิวทัศน์ที่หลากหลาย จากหน้าผาเลียบชายฝั่งไปจนถึงป่าทึบ และเป็นถนนที่ตัดเลียบชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือได้ว่าเป็นชายฝั่งที่มีความงดงามที่สุดในสหรัฐฯ และด้วยความหลากหลายนี่เองทำให้ที่นี่ได้รับการยกนิ้วให้เป็นอันดับ 1 ของถนนวิวสวยที่สุดในโลก

6.อนุสาวรีย์หุบเขา (Monument valley) แอริโซนา

หุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) ตั้งอยู่ที่เส้นเขตแดนระหว่างรัฐยูทาห์กับรัฐแอริโซนาทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อหุบเขามีที่มาจากแท่งหินค้ำขนาดมหึมา

ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนที่ราบไม้พุ่มอันแห้งแล้ง ภูมิภาคแถบนี้เต็มไปด้วยแท่งหินหรือซากหินที่หลงเหลือจากการสึกกร่อน นักธรณีวิทยาเรียกแท่งหินลักษณะดังกล่าวนี้ว่า "โมนูเมนต์" เป็นอีกท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจที่นักเดินทางไม่ควรพลาด

7.อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) แคลิฟอร์เนีย

อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และสวยงาม อุทยานแห่งชาติโยเซมิตีเป็นอุทยานแห่งชาติในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา มีพื้นที่ 1,189 ตารางไมล์ โดยมีพื้นที่จรดทะเลทรายเนวาดา

อุทยานแห่งชาติโยเซมิตีเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา  และได้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) โยเซมิตีเป็นที่รู้จักในชื่อของหน้าผาหินแกรนิต ยอดเขาโดมครึ่งซีก (Half dome) น้ำตกขนาดใหญ่หลายน้ำตก และพื้นที่ประมาณ 89% ของอุทยานเป็นป่าที่มีสัตว์อาศัยอยู่

จุดท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว คือ Mirror Lake เป็นจุดที่สามารถมองเห็นภาพของท้องฟ้า และภูเขาสะท้อนลงน้ำได้อย่างอลังการสวยงามมากๆ ทีเดียว และที่นี่ยังเป็นแหล่งที่อยู่ของหมีกริซลีอีกด้วย

8.เมาท์รัชมอร์ (Mount Rushmore) เซาร์ดาโคตา

อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์เป็นประติมากรรมแกะสลักบนหน้าผาของภูเขาหินแกรนิต ชื่อเขารัชมอร์ ใกล้เมื่องคีย์สโตน, รัฐเซาท์ดาโกต้า, ประเทศสหรัฐอเมริกา แกะสลักโดยชาวเดนมาร์ก-อเมริกันชื่อ Gutzon Borglum และลูกชายของเขาชื่อ ลินคอล์น

ประติมากรรมเป็นใบหน้าของอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาสูง 60 ฟุต (18 เมตร) 4 ท่าน  รูปสลักอดีตประธานาธิบดีทั้งสี่ จากซ้ายไปขวา จอร์จ  วอชิงตัน, โทมัส  เจฟเฟอร์สัน, ทีโอดอร์  รูสเวล และ อับราฮัม ลินคอล์น

งานแกะสลักนี้ถือเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองนี้ไปในตัว และมีคนเดินทางเพื่อชมการแกะสลักมากมาย ใครที่อยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องมาดูเองให้เห็นกับตา

9.แกรนด์แคนยอน(Grand Canyon) แอริโซนา

แกรนด์แคนยอนมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก แกรนด์แคนยอนเป็นทุ่งภูเขาที่แสนแห้งแล้ง และกว้างใหญ่  เป็นสถานที่ที่น่ามองดูและน่าเกรงขาม

ไม่ว่าใครที่เคยไปเยี่ยมหุบเขาและห้วงเหวลึกที่มีเนื้อที่ทอดตัวยาว 450 กิโลเมตร ร่องผามหึมาที่ลึกถึง 1.6 กิโลเมตร และกว้างโดยเฉลี่ย 15 กิโลเมตร

แกรนด์แคนยอนเกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีจากแม่น้ำโคโลราโดและกระบวนการทางธรณีวิทยาตามธรรมชาติ ความงามที่โดดเด่น สีสันน้ำตาลแดงและสีแบบทะเลทราย ตลอดจนพระอาทิตย์ลาลับจากท้องฟ้า ล้วนแต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจากทั่วโลก

10.อุโมงค์น้ำแข็งอลาสก้า

(Mendenhall caves of Juneau in Alaska)

ในอลาสก้ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงว่าสวยที่สุด สถานที่นั้นมีชื่อว่าถ้ำน้ำแข็งเมนเดนเดนฮอลล์ ตั้งอยู่ที่เมืองชื่อว่าเมืองจูโน่ดินแดนของประเทศสหรัฐอเมริกา

ความสวยงามและลักษณะพิเศษของถ้ำแห่งนี้คือ เป็นถ้ำธารน้ำแข็งทอดยาวออกไป 12 ไมล์จุดกว้างของถ้ำประมาณเกือบครึ่งไมล์ ความลึกในจุดที่ลึกที่สุดของถ้ำอยู่ที่ 1800 ฟุต

มีน้ำแข็งที่มารวมตัวกันประกอบเป็นน้ำแข็งก้นใหญ่ ๆ ประมาณ 38 ก้อน และยังมีน้ำแข็งขนาดเล็กอีกประมาณ 100 ก้อน  ถ้ำน้ำแข็งนี้มีมาประมาณกว่า 1200 ปีแล้ว ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ไม่พ่ายแพ้ต่อความหนาวเหน็บและอยากจะไปสัมผัสดินแดนที่เต็มไปด้วยหิมะ เราอยากให้คุณไปสัมผัสด้วยตัวคุณเอง

11.ทุ่งดอกบลูเบล (Bluebells) เมืองวิลโลว์ เท็กซัส

ทุ่งงดอกบลูเบล  Bluebells  เมืองวิลโลว์ เท็กซัส ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เมืองวิลโลว์ เมืองเล็กๆ ในรัฐเท็กซัสแห่งนี้ กลับกลายเป็นเมืองที่มีวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติที่สวยงามมากๆ อากาศเย็นสบาย โดยเฉพาะทุ่งดอกบลูเบลที่สวยงามมากๆ ทำให้ที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่น่ามาเที่ยวมากๆ เลยทีเดียวสำหรับคนที่ชอบความสวยงามของดอกไม้ใบไม้ ธรรมชาติ และอากาศดีๆ ไม่ควรพลาดที่จะมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้

12.ทะเลสาบทาโฮ (Lake Tahoe) เนวาดา และแคลิฟอร์เนีย

ทะเลสาบทาโฮ (Lake Tahoe) อยู่ที่ความสูง 6,225 ฟุต (1,897 เมตร) เหนือเทือกเขาเซียร์ราเนวาดาในทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ระหว่างเขตแดนรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเนวาดา ทะเลสาบทาโฮเป็นทะเลสาบอัลไพน์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ

และน้ำทะเลสาบอันใสสะอาดและทิวทัศน์อันงดงามของมันก็เป็นที่รู้จักในกลุ่มชน อ่าวมรกต (Emerald Bay) ของทะเลสาบทาโฮเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับการถ่ายภาพมากที่สุดในโลก เหมาะกับการพักผ่อน ล่องเรือในทะเลสาบ ขี่จักรยาน และช่วงฤดูหนาวก็สามารถเล่นสกีได้อีกด้วย