เปิดบริการตั้งแต่ 29 มกราคม 2550 - ปัจจุบัน
| เปิดบริการมาแล้ว 17 ปี 10 เดือน 23 วัน
24/04/2020 | by WTravel

                 พูดถึงดูไบ แน่นอนเราต้องนึกถึงความร่ำรวย หรูหรา ล้ำสมัย ความยิ่งใหญ่ตระกาลตา แล้วความอลังการที่หลายๆ คนอยากที่จะไปสัมผัสด้วยตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นเมืองสวรรค์ ทั้งโรงแรมแหล่งช้อปปิ้ง และสถานที่ท่องเที่ยว บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามากไปดูกันเลยค่ะ ว่ามีที่ไหนบ้าง!!!

 

 Burj Khalifa

ตึกที่ความสูงอยู่ที่ 829.8 เมตร พิชิตตึกไทเป 101 ที่ครองแชมป์มากว่า 8 ปีก่อนหน้า ตึกเบิร์จคาลิฟาเป็นไอคอนสำคัญแห่งหนึ่งของดูไบ คุณสามารถขึ้นลิฟท์ที่มีความเร็วที่สุดในโลก ขึ้นไปชั้นบนของ Burj Khalifa บริเวณด้านบน 124 มีจุดชมวิวเมืองแบบ 360 องศาและร้านอาหารให้บริการ  สามารถชมความงามได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ขอแนะนำช่วงเย็นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ท่านจะสามารถเห็นความงามทั้งช่วงกลางวัน ช่วงพระอาทิตย์ตกดินจนถึงช่วงของแสงไฟยามค่ำคืน ตึกเบิร์จคาลิฟา

 

Dubai Creek

Dubai Creek คือเวิ้งน้ำทะเลธรรมชาติจากอ่าวเปอร์เซียที่แบ่งเมืองออกเป็นสองส่วน คลองดูไบ เป็นที่ที่คุณจะสามารถล่องเรือ Abra ชมคลองแห่งนี้ได้ ซึ่งคลองนี้เป็นคลองที่เก่าแต่และสวยงามที่สุดของดูไบ คุ้มค่ากับการล่องเรือข้ามคลองแห่งนี้ในราคาเพียง 1 AED หรือประมาณ 9 บาท ซึ่งในตอนเย็นการล่องเรือข้ามคลองแห่งนี้จะยิ่งมีสีสันบรรยากาศความเป็นประเทศอาหรับมากขึ้นด้วยเสียงสวด และอีกด้านคุณจะได้กลิ่นของเครื่องเทศจากตลาดดูไบ สามารถซื้อของฝากต่างๆไม่ว่าจะเป็นเทียนหอม เครื่องเทศ หรืออื่นๆที่มีเฉพาะดูไบแน่นอน

   

SHEIKH ZAYED  มัสยิดชิคชาเญด มัสยิดที่สวยที่สุดในโลก 

สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นสีขาวสะอาดตาของมัสยิดแห่งนี้ มัสยิดชิคชาเญด ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 10 ปี วัสดุที่ใช้ในการสร้างมีตั้งแต่หินอ่อน เซรามิก คริสตัล และทองคำถือเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความทันสมัยให้เข้ากับวัฒนธรรมของศาสนาอิสลามได้อย่างลงตัว

ไฮไลต์สำคัญที่ไม่ควรพลาด คือ การเข้าชม โคมไฟแชนเดอร์เลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าราว 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำจากทองคำและทองแดง นำเข้าจากประเทศเยอรมนีและ พรมผืนใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทอเป็นผืนเดียวไม่มีรอยต่อ ขนาด5,627 ตารางเมตรนอกจากเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวและประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว มัสยิดชิคชาเญด ยังเป็นสุสานฝังพระบรมศพของ Sheikh Zayed bin Sultan Al Nahyanอดีตประธานาธิบดีคนแรกแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นผู้สร้างมัสยิดแห่งนี้ไว้ก่อนจะสวรรคตด้วย

 

Dubai Frame

อาคารหน้าตาคล้าย ‘กรอบรูป’ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก กรอบรูปฉาบทองคำความสูงขนาด 150 เมตร กว้าง 93 เมตรนี้คือการแสดงภาพให้ผู้เข้าชมได้เห็นถึงสภาพแวดล้อมของดูไบ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพราะที่ตั้งของดูไบ เฟรม นั้นอยู่บริเวณสวนสาธารณะ Zabeel Park ซึ่งเป็นเขตแบ่งระหว่างเมืองเก่าและเมืองใหม่อย่างพอดิบพอดี

ภายในอาคารนั้นยังบรรจุสิ่งที่น่าสนใจไว้เช่นกัน ‘Dubai Frame Exhibition’ นิทรรศการที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของเจ้ากรอบรูปขนาดยักษ์นี้ รวมไปถึงยังมี ‘Past Dubai Gallery’ สถานที่จัดแสดงการเจริญเติบโตของดูไบแบบปีต่อปี โดยใช้เทคนิคการจัดแสดงที่หลากหลายทั้งโปรเจกเตอร์ หมอก และกลิ่น หลังจากนั้นคุณจะถูกส่งกลับลงมาโดยลิฟต์โดยสารอีกตัวซึ่งจะพาคุณไปยัง ‘Future Dubai Gallery’ อุโมงค์ที่จะฉายภาพสามมิติและบอกเล่าการคาดเดาอนาคตของดูไบในอีก 50 ปีข้างหน้า ประหนึ่งได้นั่งไทม์แมชชีนไปดูสภาพบ้านเมืองล่วงหน้า และคุณสามารถขึ้นลิฟต์แก้วไปยังชั้นบนสุดเพื่อดูบรรยากาศปัจจุบัน และจุดชมวิวพื้นกระจกเพิ่มประสบการณ์หวาดเสียวเช่นกัน

 

Dubai Miracle Garden

จุดเด่นของสวนดอกไม้ในปีนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง ดูไบ มิราเคิล การ์เดน และสายการบินเอมิเรตส์ ที่จัดดอกไม้เป็นรูปเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ขนาดเท่าของจริง โดยสร้างจากวัสดุรีไซเคิล ใช้ดอกไม้สดและพรรณพืชกว่า 500,000 ต้น  และยังได้รับการรับรองจากกินเนสส์เวิลด์เรกคอร์ดส์ Guinness World Records ว่าเป็นการจัดดอกไม้ที่มีโครงสร้างใหญ่ที่สุดในโลก

   

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.cpholidays.co.th